เมนู

ว่าด้วยวินิจฉัยในนิเทศวาร


ก็ในนิเทศวารแห่งสัจจะทั้ง 4 เหล่านั้น พระองค์มิได้ทรงแสดงทุกข์
ก่อน เพื่อต้องการแสดงทุกข์นั้นนั่นแหละให้เข้าใจโดยง่าย จึงทรงยกทุกข-
สมุทัยขึ้นแสดง. เพราะเมื่อพระองค์ทรงแสดงทุกขสมุทัยแล้ว ทุกขสัจจะโดย
นัยมีอาทิว่า "ก็กิเลสทั้งหลายที่เหลือ" ดังนี้ ย่อมเป็นการแสดงได้ง่าย. นิโรธ-
สัจจะ
ในนิเทศวารนี้ ทรงแสดงโดยอาการ 5 ด้วยอำนาจแห่งการละสมุทัยตาม
ที่ตรัสไว้อย่างนี้ว่า "การละตัณหา และการละกิเลสที่เหลือนอกจากตัณหา"
เป็นต้น. ส่วนมรรคสัจจะในนิเทศวารนี้ พระองค์เมื่อจะทรงแสดงก็ทรงแสดง
เพียงเป็นหัวข้อแห่งนัยเทศนาที่จำแนกไว้ในธรรมสังคณี ด้วยอำนาจโสดาปัตติ-
มรรคที่ประกอบด้วยปฐมฌาน ในมรรคสัจจะนั้น บัณฑิตพึงทราบความแตก
ต่างกันแห่งนัย ที่ข้าพเจ้าจักประกาศข้างหน้า.

ว่าด้วยปฏิปทาที่ประกอบด้วยองค์มรรค 5 เป็นต้น


อนึ่ง มรรคประกอบด้วยองค์ 8 เป็นปฏิปทาอย่างเดียวเท่านั้นก็หาไม่
แต่เพราะพระบาลีว่า ปุพฺเพว โข ปนสฺส กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อาชีโว
สุปริสุทฺโธ โหติ
(ก็กายกรรม วจีกรรม อาชีวะของบุคคลนั้นบริสุทธิ์ดีแล้ว
ในกาลก่อนทีเดียว) ดังนี้ มรรคแม้ประกอบด้วยองค์ 5 ย่อมเป็นทรงแสดงว่า
เป็นปฏิปทาเหมือนกัน ด้วยอำนาจอัธยาศัยของบุคคล เพราะฉะนั้น เพื่อจะ
ทรงแสดงนัยนั้น จึงทรงแสดงแม้ปัญจังคิกวาร (วาระว่าด้วยองค์มรรค 5)
อนึ่ง เพราะมรรคประกอบด้วยองค์ 8 และองค์ 5 เป็นปฏิปทาเท่านั้นก็หาไม่
ถึงสัมปยุตตธรรมทั้งหลายเกิน 50 ก็เป็นปฏิปทาเหมือนกัน ฉะนั้น เพื่อทรง
แสดงนัยนั้น จึงทรงแสดงแม้สัพพสังคาหิกวาร (วาระว่าด้วยธรรมที่สงเคราะห์
เข้าด้วยกันทั้งหมด) ที่ 3. ในสัพพสังคาหิกวารนั้น ย่อมขาดคำว่า "ธรรมที่